เป้าหมายและความก้าวหน้า กับ Outer Wilds
ทุกคนรู้ดีว่า ‘เวลา’ เป็นสิ่งที่มีค่า เพราะมันเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีวันย้อนกลับ และทุกชีวิตย่อมต้องเผชิญกับการเกิดและการตายในที่สุด แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ ‘ค่าเสียโอกาส’ หรือ ‘ต้นทุนที่สูญเสียไป’ ซึ่งเราจะรู้สึกถึงมันก็ต่อเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับตัวเอง หรือเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงจุดที่เราต้องทบทวนความผิดพลาดและสิ่งที่พลาดไปในช่วงเวลานั้น
ในสังคมไทย ช่วงเวลามากกว่าหนึ่งทศวรรษที่สูญเสียไป (lost decade) หลังการรัฐประหารปี 2549 ได้ทิ้งรอยแผลไว้ในหลายมิติ ตั้งแต่การถดถอยของระบอบการเมืองจนถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่ไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งการรัฐประหารในปี 2557 และรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงโอกาสที่สูญเสียไปทั้งของตัวเองและของประเทศชาติ แม้ว่าจะยังมองไม่เห็นอนาคตที่สดใสมากนัก แต่ก็ยังมีผู้คนที่พยายามค้นหาหนทางใหม่ๆ และสร้างแสงสว่างแห่งความหวัง แม้จะริบหรี่ก็ตาม ในระดับโลก สถานการณ์ไม่ต่างกันมากนัก คนจำนวนมากเริ่มรู้สึกเครียดและวิตกกังวลกับแนวโน้มของโลกที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ, การครอบงำของทุนนิยมสุดขั้ว หรือวิกฤตโรคระบาดที่เกิดจาก COVID-19 ซึ่งนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจและสุขภาพที่ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะในประเทศที่รัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเพียงพอ ความรุนแรงของวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดจากการเครียดภาวะหนี้สินและขาดรายได้ ยิ่งทำให้ปัญหายืดเยื้อและซับซ้อนขึ้น
ในช่วงเวลาเหล่านี้ เราอาจรู้สึกหมดหวังกับสังคมที่อยู่รอบตัว บางครั้งแม้กระทั่งกับโลกใบนี้เอง รู้สึกว่าเราเป็นเพียงธุลีในจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ การกระทำของเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้างไหม? คำถามเหล่านี้มักจะทำให้เราท้อแท้ได้ง่าย แต่ในที่สุด เราก็อาจพบว่าความหวังยังคงอยู่ในการกระทำเล็ก ๆ ของเราที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในโลกได้
ในเกมนี้ เราจะได้เล่นเป็นมนุษย์ต่างดาวจากเผ่าฮาร์เทียน (Hearthian) ซึ่งมีลักษณะเป็นตัวสีฟ้าสี่ตา เผ่าของเราคือกลุ่มนักผจญภัยในตำนานที่ออกเดินทางไปในระบบสุริยะขนาดเล็กที่มีดาวเคราะห์เพียงไม่กี่ดวง โดยภารกิจของเราคือการค้นหาคำตอบของปริศนาที่ชาวโนมาย (Nomai) ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ต่างดาวที่สูญพันธุ์ไปอย่างลึกลับ ทิ้งไว้ให้เราไขความลับเหล่านั้น
ตั้งแต่เริ่มเกม เราจะได้สัมผัสกับการฝึกบังคับการทรงตัวในสภาพไร้น้ำหนัก การบังคับยานอวกาศ การใช้กล้องถ่ายภาพ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการสำรวจสัญญาณต่างๆ สิ่งที่เราจะได้เห็นคือเผ่าฮาร์เทียนไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทียบเท่ากับสิ่งที่เราคาดหวังจากนักวิทยาศาสตร์ในจักรวาล ยานอวกาศของเราดูเหมือนยานกระป๋องที่ทำขึ้นจากโครงงานวิทยาศาสตร์ของเด็กมัธยมต้น และมันก็เสี่ยงชีวิตเรามากกว่าการพาเราไปสำรวจจักรวาล ก่อนที่จรวดจะพุ่งทะยานออกจากดาวบ้านเกิด Outer Wilds จะทำให้เราเริ่มตั้งคำถามว่า เผ่าฮาร์เทียนถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการท่องอวกาศ หรือเพียงแค่พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายร่วมกันในสังคม? และความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้จะมีความสำคัญจริงหรือไม่?
ในเกมนี้, ความตายไม่ได้เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยง แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกการเล่าเรื่อง ซึ่งแตกต่างจากเกมทั่วไปที่ความตายมักจะหมายถึงการโหลดเซฟหรือเริ่มใหม่ แต่ในเกมความตายเป็นสิ่งจำเป็นในการเล่าเรื่องและการไขปริศนา เมื่อเราตายครั้งแรกจากการระเบิดของดวงอาทิตย์ที่กลายเป็นซูเปอร์โนวา (supernova) เราจะพบว่าเราอยู่ในลูปเวลา (time loop) ซึ่งเหมือนกับหนังอย่าง Groundhog Day หรือ Twelve Monkeys ที่ทุกๆ 22 นาที เราจะต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่ตาย โดยเราสามารถเรียนรู้จากความตายในแต่ละรอบและนำความรู้นั้นไปใช้ในรอบต่อไป ในระหว่างการผจญภัยนี้ เราจะได้สัมผัสกับการตายหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขาดออกซิเจนตาย, โดนสัตว์ประหลาดกิน, ขับยานแย่จนพุ่งชนดาว หรือแม้แต่ตกลงไปในดวงอาทิตย์หรือหลุมดำ แต่ทุกครั้งที่ตาย เราจะตื่นขึ้นมาใหม่รอบกองไฟในหมู่บ้าน พร้อมกับความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้จากการสำรวจในลูปเวลาก่อนหน้านั้น
การเล่น Outer Wilds คือประสบการณ์ที่เหมือนการนำเอาส่วนที่ดีที่สุด
จากเกมเอาตัวรอดอย่าง Subnautica, เกมสำรวจอวกาศฮาร์ดคอร์อย่าง Kerbal Space Program, และกลไกวนลูปเวลาแบบ Minit มาผสมรวมกัน และสร้างสรรค์เป็นเกมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่ง ในเกมนี้ ความรู้คืออำนาจ อย่างแท้จริง เพราะสิ่งเดียวที่เรามีติดตัวตอนเริ่มลูปใหม่ก็คือ ‘ความรู้’ ซึ่งเราจะได้จากการสำรวจดาวเคราะห์ต่างๆ ในระบบสุริยะขนาดเล็กที่มีการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เต็มไปด้วยดินแดนลึกลับ และระบบนิเวศที่มีความเฉพาะตัว
ระหว่างการเดินทาง เราจะได้ค้นพบจารึกโบราณของชาวโนมาย (Nomai) และค่อยๆ คลี่คลายปริศนาว่า เป้าหมายของสังคมของพวกเขาคืออะไร และทำไมพวกเขาจึงหายไป ปริศนาใหญ่ที่รอการค้นพบในเกมนี้คือการที่เราติดลูปเวลาได้อย่างไร และทำไมเราเป็นคนที่ถูกเลือก หรือเพียงแค่โชคร้าย หรือว่ามีเหตุผลอื่นที่ซ่อนอยู่?
ระบบสุริยะในเกม สวยงามและน่าหลงใหล กราฟิกมีลักษณะการ์ตูนแต่ผสมผสานกับฟิสิกส์ที่สมจริง ดาวแต่ละดวงมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ตั้งแต่การสำรวจอวกาศในภาวะไร้น้ำหนัก ไปจนถึงแรงโน้มถ่วงที่แตกต่างกันในแต่ละดาว ความสนุกของการสำรวจจะไม่เคยเหมือนเดิมทุกครั้ง โดยดาวที่ผู้เขียนชอบมากคือ Brittle Hollow หรือ “ดาวกลวงเปราะ” ซึ่งเป็นดาวแห่งหินผาแห้งแล้ง ที่มีหลุมดำขนาดยักษ์ในใจกลาง ดาวนี้ถูกทำลายจากการพุ่งชนของอุกกาบาตจากดวงจันทร์ภูเขาไฟของมัน ซึ่งถูกดึงเข้าหากันด้วยแรงโน้มถ่วงที่สมจริง อุกกาบาตเหล่านี้ชนดาวในแต่ละครั้งในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ของเกมจะเน้นไปที่การสำรวจอวกาศ การสะสมความรู้ และการไขปริศนาที่หลากหลาย แต่ทุกครั้งที่เราเจอดาวเคราะห์ดวงใหม่ เราจะได้พบกับเพื่อนนักเดินทางจากดาวเคราะห์เดียวกันที่มาแบ่งปันเรื่องราวของพวกเขา รอบกองไฟ เราจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกเขา ทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความลึกซึ้งและมิติให้กับการผจญภัยในจักรวาลนี้
บทสรุปเกม ในแง่นี้, Outer Wilds จึงเป็นเกมที่เกี่ยวกับการ ‘ส่งต่อ’ ข้อมูลและความรู้ ผ่านการทิ้งร่องรอยไว้ให้กับคนรุ่นหลัง การสำรวจจารึกโบราณของชาวโนมายและบันทึกอัตโนมัติจากปูมยานอวกาศ เป็นวิธีที่ทำให้ข้อมูลถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แม้ว่าเราจะเล่นเกมนี้ในฐานะตัวคนเดียว แต่ตัวละครของเรากลับมีลักษณะเหมือนเป็นผู้สืบทอดความรู้จากหลายรุ่นที่ค่อยๆ ส่งต่อสิ่งที่เรียนรู้ให้กันและกัน การล้มเหลวในลูปหนึ่ง (ในฐานะรุ่นหนึ่ง) ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องล้มเหลวในลูปถัดไป (รุ่นต่อไป) ความรู้ที่สะสมและส่งต่อข้ามรุ่นนั้นเต็มไปด้วยพลัง และเมื่อเราตระหนักว่า พลังนี้อาจมีอำนาจพอที่จะหยุดยั้งการสิ้นสุดของระบบสุริยะ หรืออย่างน้อยทำให้เราเข้าใจว่า ‘ทำไม’ มันถึงเกิดขึ้น เราก็จะเริ่มตระหนักถึงพลังของปัจเจกและความสำคัญของการเรียนรู้ และการส่งต่อความรู้ระหว่างกัน