รีวิวเกม Sekiro : Shadows Die Twice
ในขณะที่ Bloodborne ปรับเปลี่ยนแนวทางของ Dark Souls ให้เป็นเกมที่มีความเคลื่อนไหวเชิงรุกมากขึ้น Shadows Die Twice ได้สร้างกฎใหม่ขึ้นมาเลย ตัวเกมจะทำให้เราต้องศึกษา และวิเคราะห์พฤติกรรม ของศัตรูอย่างละเอียด หาเวลาที่เหมาะสมในการสวนกลับ ในช่วงเสี้ยววินาที หากเราสามารถทำได้ เราจะพิชิตศัตรูในพริบตา แต่ถ้าไม่ เราก็แค่จะจบเกมเร็วขึ้น (ตาย) นอกจากนี้ ยังมีกลไกการต่อสู้ที่แตกต่างจากเกมก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะระบบ Posture ที่เน้นการทำลายการป้องกันของศัตรู เพื่อเปิดโอกาสให้โจมตีอย่างรุนแรง สิ่งนี้ทำให้การต่อสู้มีความตื่นเต้นและมีชั้นเชิงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสำรวจ และการปีนป่ายที่ทำให้เราสามารถค้นพบเส้นทางใหม่ ๆ และซ่อนของลับได้อีกด้วย โดยรวมแล้ว ยังคงมีลักษณะคล้ายเกมอื่นๆ ของ From Software แต่สามารถตอบโจทย์ ได้ดีกว่า Dark Souls และ Bloodborne ในหลาย ๆ แง่มุม ทั้งในเรื่องของความท้าทาย ความเข้มข้นในการต่อสู้ และความลึกซึ้งของการเล่าเรื่อง ทำให้มันกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และน่าจดจำสำหรับผู้เล่นทุกคน
อาจจะเพราะ From Software ได้พัฒนาเกมแนว Soulsborne มาหลายภาค และแฟนเกมแนวนี้ก็เริ่มคุ้นชินกับรูปแบบการเล่นแล้ว ซีรีส์ก่อนๆ มักเปิดโอกาสให้ผู้เล่นปรับกลยุทธ์ได้หลากหลาย และลองผิดลองถูกได้ตามใจ แต่ กลับมีการจำกัดกลยุทธ์และเน้นที่ความเชี่ยวชาญในการผ่านอุปสรรคมากขึ้น ผู้เล่นจะพบว่าความสามารถของตัวละครมีจำกัด และต้องเรียนรู้ที่จะใช้ทักษะอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเอาชนะศัตรู แม้จะมีความยากลำบาก แต่ตัวเกมก็ยังคงเสน่ห์แบบเดิมตามสไตล์ From Software ไว้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกอ่อนแอ การโจมตีอย่างหวาดกลัว หรือความตึงเครียดที่ทำให้หัวใจเต้นแรงและเหงื่อออก ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้อาจจะหายไปบ้างเมื่อเราคุ้นเคยกับเกมในซีรีส์ก่อนๆ แต่ สามารถนำกลับมาให้เราได้สัมผัสอีกครั้ง ทำให้เกมนี้มีความเข้มข้นและท้าทายอย่างแท้จริง
ผู้เล่นส่วนใหญ่ในซีรีส์ Souls มักเลือกใช้กลยุทธ์การหลบอยู่หลังโล่และใช้วิธีวิ่งแล้วโจมตีเพื่อจัดการศัตรู ขณะที่ Bloodborne เน้นการโจมตีอย่างคล่องแคล่วและการตอบโต้ที่รวดเร็ว ในทำนองเดียวกัน ถูกสร้างขึ้นโดยมี Dark Souls เป็นต้นแบบ แต่มีการเพิ่มระบบ Posture ที่เป็นเอกลักษณ์ ใน ผู้เล่นจะต้องโจมตีศัตรูและปัดป้องการโจมตีต่างๆ เพื่อเพิ่มค่า Posture ของศัตรู หากค่า Posture เต็ม เราจะสามารถโจมตีสวนกลับได้ด้วยการใช้ท่า “Deathblow” ซึ่งเป็นเทคนิคที่ท้าทายและเสี่ยงมาก หากพลาดไป เราจะได้รับความเสียหายจำนวนมากในทันที เป้าหมายหลักคือการทำ “Deflect” โดยการปัดป้องการโจมตีก่อนที่ศัตรูจะโจมตีเรา ซึ่งจะทำให้ค่า Posture ของศัตรูเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ใน จึงกลายเป็นการแย่งชิงจังหวะและทักษะอย่างแท้จริง ทำให้ผู้เล่นต้องคิดและตอบสนองอย่างรวดเร็ว การใช้กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นเต้น แต่ยังทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความสำเร็จเมื่อสามารถเอาชนะศัตรูที่ยากลำบากได้อย่างมีสไตล์
ศัตรูระดับต่ำมักไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเราเมื่อมันมาเพียงตัวเดียว แต่เมื่อมีศัตรูหลายตัวเข้ามา การโจมตีที่หลากหลายและประสานกันของพวกมันจะทำให้เราต้องใช้เวลาในการศึกษาพฤติกรรมและหาวิธีการตอบโต้ที่เหมาะสม ตัวเกมมีระบบต่อสู้ที่เข้ากับเรื่องราวภายในเกมได้อย่างดี มันรวดเร็ว แม่นยำ และนำเสนอการดวลดาบในรูปแบบที่สมจริง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่แท้จริงจะเริ่มขึ้นเมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับบอส แต่ละตัวนั้นท้าทายมาก การโจมตีของบอสสามารถพรากชีวิตของเราได้ในทันที เนื่องจากพวกมันมีการเคลื่อนไหวที่ไม่แน่นอนและหลากหลาย บางครั้งการทำ Deflect ก็ไม่สามารถทำได้ และจะมีสัญลักษณ์คันจิสีแดงปรากฏขึ้น เพื่อเตือนเราว่าการโจมตีที่บล็อคไม่ได้กำลังจะมา เมื่อเผชิญหน้ากับบอส ตัวเลือกของเราจะมีเพียงการกระโดด หลบไปด้านข้าง หรือวิ่งหนีออกจากระยะของมัน เราจะมีเวลาประมาณ 1 วินาทีในการระบุการโจมตีและต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าจะตอบโต้กลับอย่างไร ทำให้การต่อสู้กับบอสเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและน่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง
ใน Sekiro : Shadows Die Twice การต่อสู้กับบอส เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ท้าทายที่สุดในเกม การต่อสู้เหล่านี้ ไม่เพียงแต่ต้องใช้ความสามารถในการโจมตี และป้องกัน แต่ยังต้องการความเข้าใจลึกซึ้ง เกี่ยวกับรูปแบบการโจมตี และการเคลื่อนไหว ของบอสแต่ละตัว บอสในเกมมีจำนวน Posture ที่สูง ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องทำ Deathblows หลายครั้งก่อนที่จะสามารถโจมตีสวนกลับได้ นี่คือความท้าทายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากทุกความผิดพลาด อาจนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่ ทำให้เกิดความเครียด ในการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกนี้ทำให้เรารู้ว่า บอสแต่ละตัวถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลาย และลึกซึ้ง เมื่อเราสามารถเอาชนะบอสได้ ความยินดีจากชัยชนะจะกลายเป็นรางวัล ที่สร้างความติดใจให้กับผู้เล่น
การตายในไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้และพัฒนาในเกม เมื่อเราตาย เราสามารถฟื้นขึ้นใหม่ที่จุดเช็คพ้อยต์และกลับเข้าสู่การต่อสู้อย่างต่อเนื่อง การตายไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไร แต่ส่งผลกระทบต่อโลกและตัวละครรอบตัวเรา การตายจะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในโลกของเกม ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าโลกนี้มีชีวิตชีวาและมีการตอบสนองต่อการกระทำของเรา
ตัวละครของเราใน มีความหลากหลายในการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้งานแขนเทียมที่มีอาวุธหลายประเภท เช่น ขวานที่แม้จะโจมตีช้า แต่สามารถทะลุการป้องกันได้ หอกที่ใช้โจมตีระยะไกล หรือเครื่องพ่นไฟที่สามารถสร้างความเสียหายมหาศาล การใช้แขนเทียมนี้ต้องใช้ Spirit Tokens ซึ่งจะกระจายอยู่ทั่วโลกของเกม ทำให้เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการเลือกใช้งาน และไม่ควรใช้ในจังหวะที่ไม่สำคัญ
ระบบ Shinobi ในเกมนี้ทำให้เราสามารถพัฒนาทักษะการต่อสู้ได้ โดยการเก็บค่าประสบการณ์จากการฆ่าศัตรู ตัวละครจะใช้อาวุธหลักคือดาบคาตาน่า ซึ่งเป็นอาวุธที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และสามารถติดตั้ง Combat Arts ได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งต้องใช้กลยุทธ์ในการใช้งานอย่างมาก ในขณะเดียวกัน Shinobi Arts จะช่วยให้เรามีทักษะการเคลื่อนไหวและเทคนิคโจมตีที่หลากหลาย แม้จะไม่สามารถสร้างรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกันได้มากนัก แต่ระบบนี้ช่วยให้เราค้นหาวิธีการใช้งานอุปกรณ์และทักษะทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
อีกหนึ่งจุดเด่นของ คือระบบ Stealth ที่มีบทบาทสำคัญในการหลบหลีกศัตรู ในหลายพื้นที่ของเกมมีศัตรูจำนวนมาก การใช้ Stealth ทำให้เราสามารถจัดการศัตรูบางส่วนได้โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งหมด การใช้ตะขอในการสำรวจพื้นที่และบันทึกตำแหน่งการเคลื่อนไหวของศัตรูเป็นส่วนสำคัญในการวางแผน การใช้ Innate Abilities เช่น Suppress Presence ช่วยให้การเคลื่อนไหวของเรานุ่มนวลขึ้น และสามารถสร้างเสียงล่อศัตรูเพื่อดึงดูดให้พวกเขาไปที่อื่น
อย่างไรก็ตาม ระบบ Stealth ในเกมนี้มีความเรียบง่ายและไม่มีการช่วยเหลือที่ทันสมัย ผู้เล่นต้องจับความรู้สึกของตัวเองในการหลบหลีกและฟังเสียงที่เกิดขึ้นในเกมอย่างละเอียด โดยบางครั้งศัตรูอาจมีความสามารถพิเศษที่ทำให้ตรวจจับเราได้ แม้เราจะซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ดูปลอดภัย การเข้าใจและการปรับตัวต่อระบบนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเล่น Sekiro
ในด้านการออกแบบฉากและแมพ ได้รับการยอมรับอย่างสูงจาก From Software ตัวเกมมีการออกแบบที่เชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ทำให้ผู้เล่นสามารถสำรวจได้อย่างลึกซึ้ง โดยมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่ส่งเสริมให้เราลองใช้ Stealth และการลาดตระเวน การใช้ตะขอช่วยให้เราสามารถเข้าถึงพื้นที่สูงและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ตัวแมพยังมีการเชื่อมต่อถึงกัน ทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความกว้างขวางของโลกในเกม
ตั้งอยู่ในดินแดนที่ชื่อว่า Ashina ซึ่งเป็นสถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยทิวเขา และวัดร้าง มีความหลากหลายของศัตรูตั้งแต่นักรบรับจ้าง ไปจนถึงปีศาจและอสูร ซึ่งสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และตำนาน เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่ตัวละครของเราถูกเรียกตัว เพื่อช่วยเหลือเจ้านายที่ถูกลักพาตัว แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยมีความทะเยอทะยาน และการต่อสู้เพื่ออำนาจอยู่ในทุกอณู
Sekiro : Shadows Die Twice เป็นเกมที่ท้าทาย และต้องการความอดทน ผู้เล่นจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ในระหว่างการเล่น แต่เมื่อสามารถเอาชนะบอสได้ ความสำเร็จนั้นจะสร้างความพึงพอใจที่ยิ่งใหญ่ การออกแบบเกมที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและการเรียนรู้ ทำให้คุณมีโอกาสในการค้นพบวิธีการที่หลากหลายในการเอาชนะอุปสรรค นอกจากนี้ ระบบ Stealth ที่มีอยู่ในเกมทำให้ มีความโดดเด่น และสร้างประสบการณ์ที่ท้าทายอย่างแท้จริง
ความเป็นเอกลักษณ์ของ คือการที่มันไม่ได้เป็นเพียงแค่เกมการต่อสู้ทั่วไป แต่เป็นการผจญภัยที่ต้องใช้ทักษะและความคิดสร้างสรรค์ในการเอาชนะศัตรูในรูปแบบที่หลากหลาย และทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าแต่ละการต่อสู้นั้นมีความหมายและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ที่มา Sekiro : Shadows Die Twice
กลับสู่หน้าหลัก