[บทสรุป] Rise of the Tomb Raider เกมผจญภัยเอาชีวิตรอดฉบับภาพยนตร์

Tomb Raider

บทสรุปเกม Rise of Tomb Raider

การสร้างใหม่ของ Tomb Raider โดยทีมงาน Crystal Dynamics ซึ่งเคยสร้างผลงานที่โด่งดังในซีรีย์ Tomb Raider ภาค Legend, Anniversary, และ Underworld แม้จะประสบความสำเร็จบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขีดสุด เมื่อถูกควบคุมโดย Eidos Montreal ผลงานที่ออกมากลับไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ แต่เมื่อ Square Enix เข้ามาควบกิจการของ Eidos, Crystal Dynamics ได้รับโอกาสในการสร้างความฝันของพวกเขาให้เป็นจริง ภายใต้การดูแลของ Square Enix และการนำโดย Kart Stewart จาก Crystal Dynamics, Tomb Raider จึงได้รับการปรับโฉมใหม่อีกครั้ง Lara Croft ในเวอร์ชันนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นตัวละครที่อ่อนแอและกลัวได้อย่างชัดเจน ถึงขนาดที่เธอยังไม่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ด้วยการสนับสนุนจาก Rhianna Pratchett, นักเขียนบทที่มีชื่อเสียงจาก Mirror’s Edge และ Heavenly Sword, การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Lara Croft กลายเป็นเด็กสาวที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายอย่างไม่เคยมีมาก่อน ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับการเดินทางของ Lara จากการเป็นบุคคลธรรมดาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรง เพื่อพัฒนาตนเองเป็นนักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต แม้ว่าการเล่าเรื่องในภาคนี้จะไม่ได้เชื่อมโยงกับไทม์ไลน์ของเกม Tomb Raider ก่อนหน้า แต่กลับทำให้เนื้อเรื่องทั้งหมดดูสมบูรณ์และเข้มข้นยิ่งขึ้น, สร้างประสบการณ์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความละเอียดและความงดงามที่ไม่เคยมีมาก่อน

การเดินทางครั้งแรกของฉัน เป้าหมายครั้งแรกขอฉันที่ฉันกำหนดเอง ไม่ใช่ความรู้ในตำราเหมือนที่เคยเรียนจบมา แต่เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ฉันต้องการค้นหาการผจญภัยแบบของฉันเองซักครั้ง  หรือ การผจญภัยต่างหากที่ค้นพบตัวฉัน ทำให้ฉันค้นพบบางสิ่ง บางสิ่งที่ทำให้ฉันสามารถก้าวเดินต่อไป บางสิ่งที่ทำให้ฉัน ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Lara Croft นักโบราณคดีที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ๆ กำลังตั้งใจจะเดินทางตามฝันและค้นหาความหมายในชีวิต ด้วยความรู้สึกที่มีความมุ่งมั่นสูงสุด ทว่าการผจญภัยของเธอกลับถูกท้าทายอย่างหนักเมื่อเรือ Endurance ถูกพายุรุนแรงทำให้เรือแตกเป็นสองท่อน ผู้โดยสารหลายคนตกลงไปในทะเลที่เชี่ยวกราด Lara วิ่งไปหากัปตัน Roth ซึ่งพยายามจะช่วยเธอ แต่โชคร้ายที่กระแสน้ำพัดพาเธอไป และเธอก็ต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากคลื่นทะเล

เมื่อ Lara ขึ้นมาถึงชายฝั่งได้สำเร็จ เธอรู้สึกมึนงงและอ่อนแรง แต่ยังพยายามจะเรียกเพื่อนๆ ที่อาจจะยังอยู่บนเกาะ เธอพยายามยืนขึ้น แต่ถูกชายลึกลับโจมตีด้วยหมัด ทำให้เธอสลบไป ในระหว่างที่เธอสลบอยู่ เธอได้เปิดวีดีโอที่บันทึกโดย Samantha Nishimura หรือ Sam เพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งมาที่เรือเพื่อทำสารคดี โดย Sam มีพื้นเพที่หลากหลายจากแม่ชาวโปรตุเกสและพ่อชาวญี่ปุ่น ทำให้เธอมีความรู้เกี่ยวกับทะเลญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกัน Lara เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาสมบัติโบราณ ซึ่งเธอมักมีข้อโต้แย้งกับ Dr. James Whitman เจ้าของรายการสารคดี “Whitman’s World” ในเรื่องตำแหน่งที่แท้จริงของสมบัติโบราณ Dr. Whitman ใช้ทฤษฎีในการค้นหา ขณะที่ Lara ใช้สัญชาตญาณในการนำทาง แม้เส้นทางที่ Lara เลือกจะนำไปสู่สามเหลี่ยมปากมังกรที่มีชื่อเสียงในด้านอันตราย แต่ทุกคน รวมถึงกัปตัน Roth ก็เห็นด้วยกับความเชื่อมั่นของเธอ ทำให้ Dr. Whitman ต้องเงียบไปในที่สุด Lara รู้สึกผิดที่ทำให้กลุ่มเพื่อนต้องเผชิญกับโชคร้ายและความท้าทายนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การเดินทางของเธอเต็มไปด้วยความท้าทายและความลำบากอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

Tomb Raider
Tomb Raider

Survivor Class

Survivalist – ทำให้สามารถค้นพบสัตว์และไอเทมพิเศษมากขึ้น

Advanced Salvaging – ทำให้สามารถค้นพบกล่องไอเทมพิเศษ (salvage ) ได้มากขึ้น

Bone Collector – ทำให้สามารถค้นพบซากสัตว์ที่เป็นวัตถุดิบพิเศษได้มากขึ้น

Arrow Retrieval – ทำให้สามารถเก็บธนูที่ยิงไปจากศพศัตรูกลับมาใช้ได้

Scavenging – ทำให้สามารถเก็บกระสุนจากศพศัตรูได้มากขึ้น

Climber’s Agility – ทำให้มีแรงในการปีนป่ายมากขึ้นและลดการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง

Orienteering – ทำให้ค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในฉากแผนที่ได้มากขึ้น

Cartography – ทางเข้าซากโบราณทุกแห่งจะแสดงขึ้นมาในแผนที่ให้เห็นทั้งหมด

Hunter Class:

Steady Shot – ทำให้เป้าในการยิงธนูโฟกัสไปที่เป้าหมายได้เร็วกว่าเดิม

Ammo Capacity – เพิ่มจำนวนการเก็บกระสุนให้เพิ่มมากขึ้น

Heavy Lifter – เพิ่มจำนวนการแบกสำภาระทุกอย่างให้มากขึ้น

Accomplished Killer – เมื่อจัดการศัตรูด้วยลูกเล่นแปลกๆ (ยิงหัว ) จะได้ค่าประสบการ์ณมากขึ้น

Bow Expert – ทำให้สามารถใช้ท่าสังหารโดยใช้ลูกธนูปักศัตรูในระยะใกล้ได้ และปลดล็อก headshot reticleด้วย

Pistol Expert – ทำให้สามารถใช้ท่าสังหารโดยการยิงปืนในระยะใกล้ได้ และปลดล็อก headshot reticleด้วย

Rifle Expert – ทำให้สามารถใช้ปืน Rifle สังหารศัตรูในระยะใกล้ได้รุนแรงและเร็วมากขึ้น

Shotgun Expert – ทำให้สามารถใช้ปืน Shotgun สังหารศัตรูในระยะใกล้ได้รุนแรงและเร็วมากขึ้น

หลังจากที่ Lara ใช้ Skill Points เพื่ออัปเกรดความสามารถตามที่ต้องการ เธอได้รับสัญญาณจากกัปตัน Roth ผ่านวิทยุ ซึ่งทำให้ทั้งคู่รู้สึกโล่งใจว่าทั้งสองฝ่ายยังปลอดภัยอยู่ กัปตัน Roth แนะนำให้ Lara ระมัดระวังและรีบเดินทางไปที่ Coastal Forest โดยเร็ว ขณะที่ Sam บรรยายถึงตำนานของเจ้าหญิงญี่ปุ่นและพลังวิญญาณของเธอ ทำให้ Lara ล่วงหลับไป เมื่อลืมตาขึ้นมา เธอพบว่า Madsius และ Sam หายไปแล้ว ระหว่างที่ Lara ออกตามหาเธอเผชิญกับกับดักสัตว์ที่ทำให้เธอขยับไม่ได้ และถูกฝูงหมาป่าที่หิวโหยโจมตี เธอใช้ธนูของเธอจัดการหมาป่าที่เข้ามาโจมตีจนหมด เมื่อจัดการกับสถานการณ์ได้ Reyes และผู้รอดชีวิตจากเรือมาถึงและช่วย Lara ออกมา จากนั้นทุกคนตัดสินใจแยกกันไปตามหา กัปตัน Roth และ Sam ที่หายไป โดย Lara จะร่วมกับ Dr. Whitman เพื่อติดตามหากัปตัน Roth ที่ Coastal Forest

Tomb Raider
Tomb Raider

Mountain Temple

Lara และ Dr. Whitman เข้าสำรวจภายในวิหารโบราณที่เต็มไปด้วยเทวรูปและภาพสลักเก่าแก่ ขณะที่ทั้งสองกำลังหลงใหลในความลึกลับของสถานที่ พวกเขาพบว่ามีกองกำลังติดอาวุธที่มาที่นี่ด้วย และจากการฟังเสียงสนทนา Lara สันนิษฐานได้ว่าพวกเขาคือกลุ่มทหารรัสเซียที่ติดอาวุธครบมือ เมื่อกองกำลังรัสเซียเข้ามาล้อม พวกเขาต้องการจับตัวทั้งคู่ Lara พยายามขัดขืนและสู้กลับ แต่ Dr. Whitman กลับยอมจำนน ทำให้พวกเขาถูกจับกุม ในขณะที่พวกเขากำลังจะฆ่า Dr. Whitman Lara ใช้จังหวะนี้หลบหนีไป เธอใช้ความมืดเพื่อซ่อนตัวและหลบหนีไปที่เนินเขาด้านบน เมื่อ Lara พบที่ซ่อนตัวได้ชั่วคราว พวกทหารรัสเซียคนหนึ่งตามมาและพยายามยิงเธอ แต่เธอสามารถแย่งปืนได้และยิงกลับ ทำให้ทหารรัสเซียคนนั้นล้มลงในสภาพจมกองเลือด เหตุการณ์นี้ทำให้ Lara ตกใจและต้องตั้งสติอย่างมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอฆ่าคน ในขณะที่ทหารรัสเซียคนนั้นไม่รู้เลยว่าเขาเป็นเหยื่อรายแรกจากฝีมือของ Lara Croft

กัปตัน Roth รู้สึกแปลกใจและดีใจที่เห็น Lara ผู้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นลูกสาวคุณหนู สามารถทำสิ่งที่น่าทึ่งและช่วยชีวิตเขาได้ ซึ่งทำให้เขาเชื่อว่าพ่อแม่ของ Lara คงภูมิใจในตัวเธอมาก Roth ขอให้ Lara ปีนขึ้นไปที่หอคอยสื่อสารบนยอดเขาเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย พร้อมมอบขวานปีนเขาให้เธอและให้กำลังใจ Lara ที่รู้สึกท้อแท้ในการปีนภูเขาสูงอีกครั้ง เมื่อได้รับขวานปีนเขาแล้ว Lara สามารถใช้ปุ่ม X บนภูเขาที่สามารถปีนได้และกด LB เพื่อใช้ Survival Instincts ซึ่งจะทำให้จุดปีนเขาปรากฏเป็นสีชัดเจน จากนั้นให้ปีนขึ้นไปจนถึงยอดเขาที่สะพานข้ามน้ำตก ด้านขวาของสะพานจะมีถ้ำเล็กๆ ซึ่งเป็น Optional Tomb หรือถ้ำลับที่ซ่อนอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ถ้ำเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก แต่จะมอบ Upgrade Point จำนวนมากเป็นรางวัลสำหรับการค้นหา

ขณะพักเหนื่อย Lara จะดูวีดีโอที่ Sam บันทึกไว้อีกครั้ง ในวีดีโอบอกให้รู้ถึงความสัมพันธ์ของผู้คนบนเรือมากมายทั้ง Alex Weiss ที่เป็นโปรแกรมเมอร์ประจำทีม Joslin Reyes หญิงแกร่งอดีตแก็งค์สเตอร์สาวจากนิวยอร์กที่ดูเหมือนจะใช้เวลาว่างสร้างความสัมพันธ์พิเศษกับ กัปตัน Roth อยู่ตลอด รวมทั้งภาพการให้กำลังจากจาก กัปตัน Roth ถึง Lara Croft เพื่อให้เธอก้าวต่อไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย

หลังจากที่ Lara ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไปโดยปรับสัญญาณจนเจอคลื่นชัดเจน เธอรอคอยอย่างใจจดใจจ่อจนปลายทางตอบกลับมาให้เธอส่งตำแหน่งเพื่อให้หน่วยกู้ภัยมาช่วยได้ทันที ภายในไม่ช้าก็มีการเฉลิมฉลองจาก Alex เพื่อนของเธอที่ยกย่อง Lara เป็นฮีโร่ ทันทีที่ Lara ไปพบกับนักบินที่โดดร่มลงมาใกล้ที่สุด กลับพบว่าศัตรูได้ฆ่านักบินแล้วและกำลังมุ่งมาที่เธอ Lara จัดการกับพวกศัตรูและเข้าสู่ด้านใน กัปตัน Roth ติดต่อกลับมาและ Lara ต้องแจ้งข่าวร้ายว่าเครื่องบินกู้ภัยไม่มาถึง ในขณะที่นักบินอีกคนที่ยังรอดชีวิตขอความช่วยเหลือจากสัญญาณควันที่อยู่ใกล้ แต่ Roth แนะนำให้ Lara กลับไปรวมกับเพื่อนเพื่อค้นหา Sam และออกจากเกาะให้เร็วที่สุด เขายังบอกให้ Lara เข้าใจว่าบางสิ่งสำคัญต้องยอมปล่อยไป แต่ Lara ยืนยันว่าการปล่อยให้คนที่เธอสามารถช่วยได้ตายไปไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจไปช่วยนักบินต่อไป

Lara ปีนขึ้นสะพานเชือกเพื่อไปยังจุดที่มีสัญญาณไฟของนักบิน แต่พบว่านักบินได้หายไปแล้ว เธอจึงติดตามเข้าไปในถ้ำซึ่งเธอถูกจับมัดและแขวนในห้องขับที่เต็มไปด้วยศพ เธอสามารถหลุดออกและหลบหนีไปเจอชายร่างใหญ่ในชุดเกราะ จากนั้นเธอเก็บปืน Shotgun และเข้าไปในสุสานโบราณซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นสุสานของเจ้าหญิง Himiko การสำรวจในห้องพบศัตรูจำนวนมากที่บุกเข้ามา Lara ใช้ Shotgun จัดการศัตรูและใช้ธนูเชือกดึงระฆังเพื่อทำลายประตู จากนั้นเธอเดินทางไปยัง Base Camp : Sheltered Al Cove แล้วใช้ Shotgun ทำลายแผ่นไม้เพื่อเข้าไปด้านใน

เมื่อออกมาด้านนอก Lara ต้องเดินเลาะผนังฝ่าลมแรงไปยังห้องโถงใหญ่ที่มีระฆังใหญ่กลางห้อง เธอจัดการศัตรูทั้งหมดก่อนที่จะลงไปยังด้านล่างของหมู่บ้านเชิงเขา และได้รับการติดต่อจาก Sam ว่าเธอกำลังถูกจับที่ปราสาทโบราณ Lara จึงรีบเดินทางไปช่วย Sam ทันที แม้ว่าเธอจะบาดเจ็บและต้องหายามารักษาตัวก่อน ในระหว่างที่จัดการศัตรูและเจอซากเครื่องบิน Lara ใช้ธนูเชือกเปิดประตูท้ายเครื่องและพบเพียงไฟแช็กจากศพนักบิน เธอใช้ไฟแช็กและลูกธนูในการห้ามเลือดและฆ่าเชื้อที่บาดแผลเพื่อให้สามารถเดินทางต่อไปได้

พวกศัตรูจับ Grim เป็นตัวประกันและบังคับให้ Lara ยอมแพ้ แต่ Grim ยอมตายเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี ทำให้ Lara เสียใจอย่างมาก ขณะโหนเชือกขึ้นเครน พวกศัตรูตัดเชือกทำให้ Lara ต้องกระโดดเกาะกำแพงและได้รับการช่วยเหลือจาก Roth ที่ยิงศัตรูจนหมด หลังจากแจ้งข่าวการตายของ Grim ให้ Roth รู้ เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยติดต่อมาว่ากำลังจะมารับทุกคนออก ทำให้ Lara มีความหวังที่จะได้รับการช่วยเหลือและรอดชีวิตกลับบ้าน

เมื่อ Lara เข้าไปในห้องที่เป็นศูนย์กลางของพิธีบูชายัญ เธอพบว่า Mathius ผู้นำลัทธิ Sun Queen กำลังเตรียมที่จะบูชายัญ Sam เพื่อขอพลังของราชินี Himiko มาใช้ในการควบคุมกองทัพซามูไรปีศาจ Lara พยายามที่จะช่วย Sam แต่ด้วยจำนวนของศัตรูที่มากกว่า Lara จึงถูกจับและเตรียมจะเผาทั้งเป็นพร้อมกับ Sam ขณะที่ Mathius กำลังจะสั่งให้เผาทั้งคู่ เกิดลมพัดกระหน่ำเข้ามาทำให้ไฟดับลง แม้จะรอดชีวิตจากการเผา แต่ Mathius กลับคิดไปไกลกว่าเดิม เขาเชื่อว่า Sam คือผู้ที่ถูกเลือกจาก Himiko จึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนจากการบูชายัญเป็นการใช้ร่างของ Sam เป็นที่รองรับวิญญาณของ Himiko เพื่อการเกิดใหม่แทน Mathius จึงสั่งให้จับตัวทั้งคู่ขังไว้ก่อน

ในขณะที่ Mathius และพวกเดินออกจากห้องไป Lara ใช้โอกาสนี้กระโดดลงไปที่แอ่งน้ำด้านล่างและหลบหนีพวกมัน หลังจากช่วยทุกคนออกมาได้ Lara บอกให้พวกเขาหนีออกไปก่อน ส่วนเธอจะหาทางออกเอง เธอวิ่งหนีไฟไหม้ไปตามทางจนพบบันทึกของ Mathius และแผนที่สำคัญซึ่งเธอเก็บมาเพื่อใช้ในภายหลัง ก่อนที่ Lara จะพบบันทึกของ Dr. Whitman ที่หายไปนาน แต่กลับมาอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย แม้ว่า Lara จะเริ่มสงสัยบางสิ่งในตัวเขา แต่เธอก็ไม่มีเวลามากพอที่จะสนใจ

Dr. Whitman ขอตัวไปเก็บหลักฐานบางอย่าง ก่อนที่ Lara จะเข้าไปในห้องด้านในและพบ Mathius ที่พยายามโน้มน้าวให้ Sam เชื่อว่าเธอมีสายเลือดที่ถูกเลือกและยอมร่วมมือในการใช้ร่างของเธอในการให้กำเนิดใหม่ของ Himiko เมื่อทหารรายงานว่า Lara หนีออกไปได้ Mathius จึงออกจากห้องไป Lara จึงใช้โอกาสนี้จัดการกับยามที่เฝ้าตัว Sam และเก็บอาวุธจากศพทหารกลับมา ขณะที่กำลังจะพบ Sam เธอเห็น Mathius และ Dr. Whitman กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับศัตรูมากมาย เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยบินเข้ามาและกัปตัน Roth อยู่ในนั้นด้วย

Lara พยายามอย่างสุดชีวิตและสามารถกระโดดขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ได้ แต่เธอก็ตกใจเมื่อพบว่าในเฮลิคอปเตอร์มีเพียง Roth เท่านั้น ส่วนเพื่อนๆ ยังไม่ได้ขึ้นมาด้วย Roth แนะนำให้ทิ้งทุกคนและหนีเอาตัวรอด แต่ Lara ปฏิเสธและใช้ปืนจี้นักบินให้กลับไปรับทุกคน ขณะนั้นพายุรุนแรงพัดเข้าใส่ทำให้เฮลิคอปเตอร์เสียการทรงตัวและตกลงในที่สุด

ที่ซากเฮลิคอปเตอร์, Roth ที่ยังขยับตัวได้พยายามช่วย Lara จนเธอฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ Mathius และลูกน้องของเขาก็เข้ามาจู่โจมทันที ขณะที่ Lara ยังพยายามประคองสติ Roth ต้องต่อสู้สุดชีวิตเพื่อปกป้องเธอ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกขวานของ Mathius ฟาดที่หลังจนล้มลง แม้ศัตรูจะถอยไป แต่สถานการณ์ยังคงรุนแรง Lara และเพื่อนๆ รีบไปดูอาการ Roth ซึ่งบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าจะช่วยได้ Roth กล่าวว่าให้ Lara พาทุกคนออกจากที่นี่ให้ได้ แม้เธอจะไม่มั่นใจ แต่ Roth ก็บอกว่า “เธอต้องทำได้ เพราะเธอคือคนในตระกูล Croft” ก่อนสิ้นใจ Reyes ที่มีความผูกพันกับ Roth เสียใจมากและตำหนิ Lara ว่าเป็นเพราะเธอที่ Roth ต้องตาย หลังจากพิธีเผาศพของ Roth Reyes ตัดสินใจจะไปซ่อมเรือและออกจากเกาะทันที โดยไม่ตาม Lara อีกต่อไป Sam จึงต้องปลอบ Lara ให้เข้มแข็งและหาทางหนีต่อไป Lara นั่งทำใจสักพัก ก่อนจะเตรียมตัวออกไปที่ชายหาดตามเพื่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่

คำพูดสุดท้ายของ Roth ที่ว่า “เธอต้องทำได้ เพราะเธอคือคนในตระกูล Croft” ทำให้ความเศร้าของ Lara เริ่มเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น สมองของเธอเริ่มทำงานอย่างหนัก จากข้อมูลที่เก็บได้และความเชื่อของเธอทำให้รู้ว่าพายุที่ทำให้เครื่องบินตกไม่ใช่ธรรมดา มันอาจเป็นคำสาปที่ปกป้องเกาะไม่ให้มีใครออกไปได้ เพื่อหลุดจากที่นี่เธอจำเป็นต้องหาวิธีจัดการกับพายุนี้ เมื่อรู้ตัวว่าต้องทำอะไรแล้ว Lara ลงไปหาทีมแต่กลับไม่พบใคร ในป่าที่เต็มไปด้วยศัตรูและหมาป่าที่โจมตีเธอ เธอต้องต่อสู้กับศัตรูและหมาป่าท่ามกลางความวุ่นวายนี้เพื่อหาทางออกจากเกาะให้ได้

ขณะที่ Lara กำลังจัดการกับวัตถุดิบให้ Jonah เธอได้ยินเสียง Dr. Whitman ร้องขอความช่วยเหลือ เขาบอกว่าเขากำลังหนีจากพวก Mathius ซึ่งทำให้ Lara เริ่มสงสัยในตัวเขามากขึ้น Jonah แจ้งว่า Alex ไปที่ซากเรือ Endurance ที่เกยตื้นอยู่ฝั่งตรงข้ามชายหาด และหายไปนานแล้ว ด้วยความกังวล Lara จึงรีบออกตามหา Alex ทันที ก่อนเธอออกเดินทาง Jonah มอบ Compound Bow อันใหม่ที่มีความสามารถยิงได้แรงกว่าเดิมให้กับ Lara เพื่อช่วยเธอในการค้นหาและต่อสู้

เข้าไปแล้วจะพบว่า Alex ถูกของทับจนบาดเจ็บเกินแรงที่ Lara จะช่วยยกออกได้เลย ขณะนั้นพวกศัตรูก็บุกเข้ามาโจมตีมากมาย Alex จึงเอาเครื่องมือของเขาฝากไปให้ใช้ซ่อมเรือพาทุกคนหนีออกจากที่นี่ ส่วน Alex จะต้านพวกศัตรูเอาไว้ให้ Lara ไม่มีทางเลือกจำใจต้องเอาเครื่องมือออกจากห้องไป ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากการที่ Alex ยิงใส่แก็สทำให้ศัตรูทั้งหมดรวมทั้งตัวเขาแหลกไม่เหลือ ตัวเรือที่โดนระเบิดก็เริ่มจะจมเช่นกัน 

Lara จะเอาเครื่องมือที่ได้จาก Alex ให้ Jonah กับ Reyes ซ่อมเรือให้เสร็จ ส่วน Lara จะบอกกับทุกคนถึงเรื่องที่เธอวางแผนที่จะหาทางหยุดพายุคำสาปที่อยู่รอบๆเกาะให้ได้ ซึ่งไม่ว่าทุกคนจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่เธอก็ต้องไปทำให้สำเร็จ  เมื่ออ่านจบแล้ว Lara จะพบว่าศพของซามูไรผู้นี้คือองค์รักษ์ของ ราชินี Himiko ในคำบรรยายในกระดาษพูดถึงเหล่า Storm Guard ที่คอยปกป้องพายุที่ล้อมรอบเกาะนี้ Lara ตีความได้ว่า พายุร้ายที่อยู่รอบเกาะนั้นถูกสร้างด้วยมนต์ดำบางอย่าง เพื่อปกป้องพระศพของราชินี Himiko และการจะทำลายพายุได้ก็ต้องไปทำลายพระศพของราชินี Himiko ซึ่งศพนี้อยู่กับเจ้า Mathius ที่กำลังเอาไปใช้ในพิธีย้ายวิญญาณกับ Sam นั่นเอง ในขณะที่กำลังจะออกจากห้องพวกศัตรูมากมายก็เริ่มบุกเข้ามา จัดการพวกมันให้หมด แล้ว Reyes จะติดต่อมาว่าตอนนี้กำลังโดนกองทัพของ Mathius เข้ามาล้อมโจมตีอย่างหนักให้ Lara รีบกลับมาช่วย 

Tomb Raider
Tomb Raider

แม้ว่าเรือจะซ่อมเสร็จและพร้อมออกจากเกาะแล้ว Lara ก็อธิบายให้พวกเขาฟังว่า การออกไปตอนนี้ยังเป็นเรื่องที่อันตราย เพราะพายุคำสาปรอบเกาะจะฆ่าพวกเขาทันทีถ้าไม่ทำลายมนต์ดำที่ควบคุมมันเสียก่อน Reyes แม้จะยังมีความสงสัย แต่เขาเริ่มเชื่อในสิ่งที่ Lara พูดจากประสบการณ์ที่เธอแสดงให้เห็น เขาจึงยอมตกลงตามแผนของ Lara และพร้อมจะออกเดินทางเมื่อไหร่ก็ได้ที่ทุกอย่างพร้อม

ที่ห้องเทวรูปด้านใน Lara จะพบกับรูปปั้นราชินีมากมายหลายองค์รวมทั้ง Himiko ด้วย เมื่ออ่านบันทึกและอักขระบนห้องนี้แล้วทำให้ Lara รู้ความจริงที่น่ากลัวชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อ ราชินีองค์ล่าสุดที่ตายไปนั้นเป็นฝีมือของ Himiko ที่ต้องการพลังเป็นของตัวเอง ซึ่งความชั่วร้ายนี้เหล่าซามูไรองค์รักษ์ที่รู้ถึงความน่ากลัวนี้จึงสร้างพายุคำสาปขึ้นมาเพื่อกักขังวิญญาณของ Himiko เอาไว้ และใช้ร่างของ Himiko เป็นตัวเชื่อมในการสั่งการทำงานของพายุรอบๆเกาะ ซึ่งเหล่านักรบซามูไรที่มีหน้าที่ปกป้องพระศพของ Himiko โดยหน้าที่ก็เป็นตัวช่วยอีกแรงที่จะป้องกันไม่ให้คำสาปนี้โดนทำลาย แต่ถ้า Mathius ย้ายวิญญาณมาสู่ Sam ได้สำเร็จ ราชินี Himiko ก็จะได้กำเนิดใหม่พายุคำสาปก็จะหายไปทำให้ ราชินี Himiko ที่ชั่วร้ายและกองทัพซามูไรปีศาจของเธอเป็นอิสระทันที นั่นทำให้ Lara ยิ่งต้องรีบไปหยุดยั้งแผนการของ Mathius ให้เร็วที่สุด

เมื่อเข้าไปด้านในต่อจนถึงหน้าวิหารชั้นในสุดก็จะพบ Mathius ที่กำลังจับตัว Sam เอาไว้ซึ่ง Lara จะพยายามบอกให้ Mathius รู้ถึงพลังที่ชั่วร้ายของ Himiko แต่ Mathius มั่นใจว่ามันสามารถควบคุมพลังที่ยิ่งใหญ่นั้นได้ มันจึงรีบพา Sam เข้าด้านในก่อนจะใช้เวทย์ไฟปิดล้อมทางเข้าเอาไว้

Lara ตัดสินใจเข้ามาที่ศาลาท่ามกลางพิธีกรรมของ Mathius ที่กำลังเตรียมทำการถ่ายวิญญาณลงไปในร่างของ Sam ซึ่งเป็นหญิงที่มีสายเลือดพิเศษและถูกเลือกเป็นโฮสต์ให้กับราชินี Himiko Lara พยายามขัดขวางพิธีโดยตรง แต่พิธีการได้เริ่มขึ้นแล้ว Mathius สั่งให้ลูกน้องของเขาเข้ามาห้าม Lara เธอเผชิญหน้ากับพวกมันและจัดการพวกมันให้หมด จากนั้น Lara เดินหน้าต่อไปจนถึงห้องที่มีนักรบซามูไรปีศาจร่างยักษ์ซึ่งออกมาปกป้องศพของ Himiko Lara ต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหยุดนักรบปีศาจนี้และหยุดพิธีกรรมอันชั่วร้ายที่กำลังดำเนินอยู่

Lara ลงมือทำลายศพของราชินี Himiko ทันที วิญญาณของมันแตกสลายไปในที่สุด หลังจากที่คำสาปทั้งหมดสิ้นสุดลง แสงสว่างที่เคยหายไปนานหลายร้อยปีก็กลับมาส่องสว่างไปทั่วเกาะมิยาเกะ เปรียบเสมือนการฟื้นคืนชีพของเกาะแห่งนี้ การกอบกู้ชีวิต Samantha เพื่อนรักของเธอเสร็จสิ้นอย่างปลอดภัย Lara นำ Samantha กลับไปที่เรือ ทำให้ Jonah และ Reyes ดีใจมากที่เห็นเธอกลับมาทุกคนขึ้นเรือเดินทางกลับบ้าน ทิ้งเรื่องราวเลวร้ายไว้เบื้องหลัง โดยไม่คิดหันกลับไปมองอีกเลย บนเรือเดินสินค้าลำใหญ่ ลูกเรือรายงานความพร้อมในการเดินทาง Lara ถือหนังสือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลับใหม่ หนังสือที่บ่งบอกถึงการผจญภัยครั้งใหม่ ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้าน แต่เป็นเส้นทางสู่การค้นพบและการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ การเดินทางจากผู้รอดชีวิตบนเกาะที่ถูกลืม กลายเป็นการเริ่มต้นใหม่ของนักผจญภัยที่โลกจะไม่มีวันลืม

    ******************  A SURRIVOR IS BORN *****************

More Posts

Share:

Play2th.com – บทสรุปเกมและข่าวเกมล่าสุดในที่เดียว ข่าวเกมเด่นทุกวัน อัปเดตไวกว่าใคร

Menu

Newsletter

สมัครเพื่อรับข่าวก่อนใคร